thumbsup » สรุปสิ่งที่น่าสนใจของมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ของอาลีบาบา 2020

สรุปสิ่งที่น่าสนใจของมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ของอาลีบาบา 2020

23 พฤศจิกายน 2020
6   0

เป็นธรรมเนียมไปแล้วสำหรับการประกาศตัวเลขซื้อขายสินค้าในช่วงมหกรรมช้อปปิ้ง 11.11 ของยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซอย่างอาลีบาบา ที่แม้ว่าจะช่วยปลุกกระแสการใช้จ่ายให้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยยุค New normal  ยังคงเป็นปัจจัยในการช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายออนไลน์ให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แม้ประเทศจีนจะถือว่าเป็นประเทศแรกที่เกิดการระบาดของโควิด-19 แต่ก็เป็นประเทศแรกที่ฟื้นตัวทางเศรฐกิจได้เร็วเช่นเดียวกัน ด้วยข้อจำกัดในการเดินทาง ทำให้เกิดการใช้จ่ายภายในประเทศและการซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ จึงเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงเวลานี้

ภาพรวมของมหกรรม 11.11 ยิ่งใหญ่ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19

เจียง ฟาน ประธานบริหารของเถาเป่าและทีมอลล์ เปิดเผยตัวเลขในมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ว่า ในปี 2563 ที่มีการจัดงานยาวถึง 11 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 11 พฤศจิกายน 2563 นั้น มียอดขายรวมทั้งสิ้นกว่า 498,200 ล้านหยวน หรือราว 2,278,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่รวบรวมจากยอดขายออนไลน์ทุกช่องทาง (GMV)

เมื่อเทียบกับสถิติตัวเลขในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จะพบว่า ตั้งแต่ปี 2559 – 2563 นั้น มีรายได้ค่อนข้างที่จะใกล้เคียงกันทุกปี (อ่านบทความเก่า) แต่ในปี 2563 กลับมีตัวเลขที่พุ่งขึ้นแบบเท่าตัว คือจาก 2.684 แสนล้านหยวน ในปี 2562  เพิ่มขึ้น 26% หรือ 4.982 แสนล้านหยวนในปี 2563 ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคพร้อมจ่าย หากว่ามีสินค้าตรงกับความต้องการและครอบคลุมกับทุกมิติการบริการ

ด้วยจำนวนแบรนด์ที่เข้าร่วมมหกรรมกว่า 250,000 แบรนด์ แบรนด์จากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นกว่า 31,000 แบรนด์ รวมถึงแบรนด์ระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Prada, Catier, Montblanc, Balenciaga, Chloe’ โดยมีแบรนด์ใหม่กว่า 94 แบรนด์ที่ทำยอดขายเติบโตมากกว่า 1,000% และมีแบรนด์มากกว่า 470 แบรนด์ ที่ทำยอดขายจากทุกช่องทางได้เกิน 100 ล้านหยวน

อีกตัวเลขที่น่าสนใจคือ จำนวนรายการสั่งซื้อต่อวินาทีสูงสุด ผ่านช่องทางของเถาเป่าและทีมอลล์ อยู่ที่ 583,000 ออเดอร์ต่อ 1 วินาที ซึ่งต้องมีระบบโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่แข็งแรง จึงจะสามารถรับยอดการสั่งซื้อโดยที่ระบบไม่เกิดการขัดข้องเลย (zero downtime)

นอกจากนี้ ไช่เหนียว เครือข่ายขนส่งของอาลีบาบาได้จัดส่งสินค้าไปแล้วกว่า 2,320 ล้านชิ้นในช่วง 11 วันของการจัดงาน รวมทั้งยอดโอนบนเถาเป่าไลฟ์เพิ่มขึ้น 400% โดยใน 10 นาทีแรกมียอดโอนกว่า 5 หมื่นล้านหยวนหรือประมาณ 232,082 ล้านบาท

 

ทุกกลุ่มสินค้าล้วนมีโอกาสในการเพิ่มยอดขาย

สินค้าคงคลังยอดนิยม ยังคงเป็น 3 กลุ่มหลักคือ สกินแคร์ สินค้าสำหรับเด็กอ่อนและของใช้ภายในบ้าน ซึ่งสกินแคร์สำหรับผู้ชายมีการเติบโตขึ้น 3,000% สินค้าอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น 200% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

อีกหนึ่งกลุ่มสินค้าที่น่าสนใจอย่างที่อยู่อาศัยมีการเข้าร่วมมหกรรมกว่า 8 แสนยูนิต เพื่อนำเสนอส่วนลดกว่า 1 ล้านหยวนหรือ 4.63 ล้านบาท

แม้การท่องเที่ยวจะยังไม่ฟื้นตัวมากนัก แต่เครือโรงแรมระดับโลกอย่าง Marriott และ Accor สามารถทำยอดขายในมหกรรม 11.11 ได้เกิน 1,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 4,600 ล้านบาท เป็นครั้งแรก

ส่วนโรงแรมในเครือ Hyatt กว่า 80 แห่งสามารถขายคูปองลดราคาสำหรับดีลห้องพัก 2 คืน ได้มากกว่า 28,000 ใบ โรงแรมในเครือ Hilton ทั่วประเทศจีน สามารถขายได้มากกว่า 25,000 ดีล

หรือแม้แต่ แพ็คเกจดิสนีย์ รีสอร์ท เซี่ยงไฮ้มูลค่า 1,499 หยวนหรือประมาณ 6,900 บาท และแพ็คเกจโรงแรม InterContinental One Thousand Island Lake Resort มูลค่า 999 หยวนหรือ ประมาณ 4,600 บาท ขายหมดตั้งแต่งานเริ่มต้นขึ้น

นอกจากนี้ ยังมียอดการสั่งซื้อส่วนประกอบจากอาหารและไวน์ระดับโลก เช่น ไก่และข้าวกล้องจากประเทศไทยหรือวิสกี้ชั้นยอดสัญชาติญี่ปุ่นที่มีมูลค่า 1 ล้านหยวน และมีร้านค้ากว่า 2.33 ล้านแห่งเข้าร่วมโครงการ “สินค้าแห่งความดี” เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม โดยผู้บริโภคที่ส่ังซื้อสินค้าผ่านโครงการนี้จะได้มีโอกาสบริจาคเงินไปพร้อมกันด้วย

อีโคซิสเท็มแข็งแกร่งเสริมโอกาสทางการขาย

ทางด้านบริษัทในเครืออาลีบาบา ไม่ว่าจะเป็น ลาซาด้า ไช่เหนียว ทีมอลล์และเถาเป่า มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงมหกรรม เพราะอีโคซิสเต็มส์ทุกอย่างช่วยส่งเสริมโอกาสทางการขายไปยังทั่วโลก

ลาซาด้า

  • จำนวนแบรนด์และผู้ขายมากขึ้น มุ่งเน้นในระดับภูมิภาคมากขึ้น โดยมีแบรนด์มากกว่า 70 แบรนด์เข้าร่วมกับลาซาด้าในการจัดแสดงในรูปแบบที่สนุกสนาน และนำเสนอสินค้าที่เป็นซิกเนเจอร์และสินค้าเด่นโดยเฉพาะ มีผู้ขายและแบรนด์มากกว่า 350,00 รายจากทั่วทั้งภูมิภาคเข้าร่วมงาน11 ในปีนี้ ซึ่งรวมถึง ลังโคม, อันเดอร์ อาเมอร์, สว็อทช์ และคาสตรอล
  • มีการเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ ระดับภูมิภาคคนแรก คือ อีมินโฮ (LEE MINHO) นักแสดงและนายแบบชาวชื่อดังชาวเกาหลีใต้
  • เพิ่มคอนเทนต์ช้อปเปอร์เทนเมนต์มากขึ้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ลาซาด้าจะเปิดตัวเกมสำหรับงาน 11 โดยเฉพาะสำหรับทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในชื่อ Happy Bounce บนแพลตฟอร์มแอปพลิเคชั่นเกม LazGames ซึ่งผู้เล่นสามารถได้รับเหรียญและคูปองจากลาซาด้าเพื่อนำไปใช้เป็นส่วนลดในการซื้อสินค้า
  • จัดงาน 11 Super Show เป็นประจำทุกปี เช่นเดียวกับงานกาล่า โชว์ ของอาลีบาบา ลาซาด้าก็มีงานที่เป็นซิกเนเจอร์คือ11 Super Show ซึ่งมีเซเลบริตี้และนักแสดงจากแต่ละประเทศ มาร่วมเฉลิมฉลองงาน 11.11 ผ่านซีรี่ย์การแสดง ที่นักช้อปสามารถได้รับคูปองจากการชมการแสดงในส่วนต่างๆ ที่จัดสำหรับแต่ละประเทศ
  • เครือข่ายโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงถึงกัน เครือข่ายโลจิสติกส์ของลาซาด้าครอบคลุม 6 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ 45 ราย คลังสินค้า 15 แห่ง และศูนย์บรรจุและกระจายสินค้ารวมทั้งฮับอีก 400 แห่ง พื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดส่งขนาดใหญ่ เตรียมพนักงานคลังสินค้าและโลจิสติกส์มากกว่า 40,000 คน เพื่อสนับสนุนการจัดส่งที่จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาปกติราว 20 เท่า จากคำสั่งซื้อทั้งในและระหว่างประเทศ

ไช่เหนียว

  • เทคโนโลยีล้ำสมัย ในฐานะหน่วยธุรกิจโลจิสติกส์ของอาลีบาบา ไช่เหนียวได้ลงทุนไปกับเทคโนโลยีส่งเสริมโลจิสติกส์และนวัตกรรมรถลำเลียงสินค้าอัตโนมัติ (AGV) เครื่องยนต์อัตโนมัติเก็บพัสดุและสมาร์ทล็อคเกอร์ เพื่อรองรับรายการสั่งซื้อจำนวนมาก ปีที่ผ่านมาไช่เหนียวมียอดการจัดส่งสินค้ามากกว่า 1,800 ล้านรายการ
  • ธุรกิจหลัก 3 ประเภท เพื่อรองรับผู้บริโภค ผู้ขาย และพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ ไช่เหนียวได้พัฒนาเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานซัพพลายเชน เพื่อให้การสนับสนุนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้ง 3 ส่วนนี้ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งในระหว่างงาน 11 และการบริการประจำวัน
    • สำหรับผู้บริโภค ไช่เหนียวมีการทำงานเป็นสองส่วนหลัก คือ ไช่เหนียว โพสต์ ที่ให้บริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน และไช่เหนียว กัวกัว ที่ให้บริการส่งสินค้าแบบมารับเอง
    • สำหรับผู้ขาย ไช่เหนียว แบ่งบริการเป็นภายในประเทศ และบริการซัพพลายเชนทั่วโลก ซึ่งแต่ส่วนก็มีบริการ 3 รูปแบบ โดยภายในประเทศมีบริการ Omni-Channel Supply Chain Solution, C2M logistics และ City Delivery Network ส่วนซัพพลายเชนทั่วโลกมีบริการ Global LogisticsNetwork, Global Supply Chain และ Global Freight Network
  • การจัดส่งที่ว่องไวและรวดเร็วขึ้น ด้วยสมาร์ทเทคโนโลยี ไช่เหนียวคาดว่าจะจัดส่งสินค้ากว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมดได้เร็วขึ้น 60% ลูกค้าในเมืองหลักๆ ของยุโรป อาทิ มาดริด ปารีส เบอร์ลิน และวอร์ซอ จะได้รับสินค้าภายใน 3 วัน
  • สินค้านำเข้าไปยังจีน แบรนด์กว่า 26,000 แบรนด์ จาก 84 ประเทศและภูมิภาค ถูกส่งออกไปยังประเทศจีนโดยเครือข่ายซัพพลายเชนระดับโลกของไช่เหนียว
  • คลังสินค้าต่างประเทศ มีการขยายเพิ่มเติมไปยัง 12 ประเทศใน 4 ทวีป สินค้าจากประเทศต่างๆ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย สเปน จึงสามารถขนส่งไปยังประเทศจีนได้โดยตรง
  • มีคลังสินค้าหลายรูปแบบมากกว่า 100 แห่ง ใน 18 เมืองทั่วประเทศจีน ลูกค้าจะได้รับพัสดุจากต่างประเทศภายในครึ่งวัน ซึ่งรวดเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 10%
  • สินค้านำเข้าที่สต็อกไว้ในคลังสินค้าของไช่เหนียวมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ตามความต้องการของผู้บริโภคในจีน สินค้าในหมวดความงาม สุขภาพ และสินค้าเด็ก เพิ่มขึ้น 1 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  • สินค้าที่ส่งออกจากประเทศจีน ไช่เหนียวใช้เที่ยวบินชาร์เตอร์กว่า 700 เที่ยว ในการส่งออกสินค้า 90% จากจีนไปยังจุดหมายโดยตรง นี่คือโอกาสของธุรกิจการค้าระหว่างประเทศของจีนที่ต้องการขยายไปยังตลาดต่างประเทศ ในปีนี้คาดว่าจะมีจำนวนพัสดุจากงาน 11 ที่ส่งข้ามแดนมากขึ้นถึง 20 เท่าต่อวัน
  • บริการสำหรับผู้บริโภคภายในประเทศ ไช่เหนียวได้ติดตั้งเครื่องรับพัสดุด้วยตนเองใน 150 เมืองทั่วประเทศจีน และศูนย์จัดส่งพัสดุของไช่เหนียวจะเปิดให้บริการถึงช่วงดึก เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มมากกว่าปกติตลอดช่วงงาน 11

ทีมอลล์

    • พฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนแปลงไป ผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มีจำนวนมากขึ้น และมีการซื้อผ่านออนไลน์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าโรคระบาดจะสิ้นสุดลง ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบริโภค
      • ตัวอย่างหนึ่งคือยอดขายรวมทุกของทีมอลล์ โกลบอล ที่ไม่รวมคำสั่งซื้อที่ไม่มีการชำระเงิน มีการเติบโตขึ้นมากว่า 40% ในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
      • นอกจากนี้ชาวจีนยังมีการซื้อสินค้านำเข้าผ่านทางทางออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากโรคระบาดทำให้ไม่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศได้
      • เทรนด์การบริโภคสินค้าประเภทใหม่ๆ โรคระบาดได้เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมการบริโภค และทำให้เกิดเทรนด์การบริโภคใหม่ๆ โดยมีความต้องการของใช้จำเป็น ของใช้ในบ้าน และสินค้าสุขภาพ เพิ่มขึ้นอย่างมากและต่อเนื่อง แม้ว่าสถานการณ์โรคระบาดในประเทศจีนจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
    • ไฮไลท์งาน 11
      • เพิ่มสินค้าใหม่ โดยจะมีสินค้านำเข้ามากกว่า 2 ล้านรายการ เปิดตัวในงานนี้ และมีแบรนด์จากต่างประเทศ 2,600 แบรนด์เข้าร่วมงาน11 เป็นครั้งแรก ตัวอย่างเช่น The Bravados ซึ่งแผนกจัดทำสินค้าและบริหารแบรนด์ของทาง Universal Music Group เพิ่งเปิดตัวร้านค้าบนทีมอลล์ โกลบอล ซึ่งนำเสนอสินค้าจากศิลปินระดับโลก เช่น Tupac, Guns N’ Roses, The Rolling Stones, Bob Marley และ Taylor Swift
      • รูปแบบงานใหม่ โดยทีมอลล์ โกลบอลจะมีการถ่ายทอดสดผ่านไลฟ์สตรีมจากโกดังเก็บสินค้า เพื่อมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งที่โปร่งใส ปลอดภัย และไร้รอยต่อให้กับลูกค้า
      • การสนับสนุนด้านโลจิสติกส์อย่างแข็งแกร่งจากไช่หนียว เพื่อการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน
    • โอกาสในตลาดอีคอมเมิร์ซ
      • จีนถือเป็นตลาดผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีแบรนด์ต่างประเทศและผู้ขายให้ความสนใจชนชั้นกลางที่เกิดขึ้นใหม่ในจีนอย่างมาก และตลาดจีนกำลังจะเปลี่ยนไปเป็นดิจิทัลซึ่งมีมูลค่า 3 ล้านล้านหยวน ในปีที่ผ่านมาก จีนมีการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมด 5 ล้านล้านหยวน หรือมากกว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในทางกลับกันการซื้อสินค้าแบบออนไลน์ในจีนกลับมีเพียง 6% ดังนั้นโอกาสในการขยายตัวของอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนจึงมีอีกอย่างมหาศาล
      • ระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายนปีนี้ ทีมอลล์ โกลบอล และเคาล่า ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหลักสำหรับจำหน่ายสินค้านำเข้า ภายใต้อาลีบาบา กรุ๊ป มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันถึง 63% ในตลาดซื้อขายสินค้าข้ามพรมแดนของประเทศจีน

ตัวเลขและข้อมูลที่น่าสนใจของอาลีบาบากรุ๊ป สะท้อนให้เห็นโอกาสของแบรนด์และการเติบโตของธุรกิจในการใช้อีคอมเมิร์ซ เป็นอีกหนึ่งช่องทางการขายสินค้าหรือประชาสัมพันธ์ให้แบรนด์เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ซึ่งอยู่ที่ว่าแบรนด์หรือธุรกิจ จะปรับตัวและกลยุทธ์ได้ทันกระแสการปรับเปลี่ยนมากน้อยแค่ไหน เพราะเทคโนโลยีและพฤติกรรมของคนพร้อมปรับตัวรับสิ่งเหล่านี้แล้ว

The post สรุปสิ่งที่น่าสนใจของมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ของอาลีบาบา 2020 appeared first on Thumbsup.

[source: https://www.thumbsup.in.th/alibaba-ecommerce-selling?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=alibaba-ecommerce-selling]