The Mall Group จับมือ Bitkub เปิดให้นักช้อบ จ่ายเงินด้วยคริปโตได้ โดยจะมีการแถลงข่าว 30 พฤศจิกายนนี้ รองรับ 6 สกุล บิทคอยน์ ETC USDT XRP XLM และ Bitkub coin
เรียกว่าเป็นข่าวใหญ่ของวงการเลยทีเดียว เมื่อมีข่าวหลุดออกมาว่า เดอะมอลล์ กรุ๊ป เตรียมประกาศความร่วมมือครั้งใหญ่ “BITKUB X The Mall Group Partnership Announcement” เพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคด้วยการรับชำระเงินด้วย Cryptocurrency การเป็น Partnership กันในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าของผู้ประกอบการค้าปลีกไทยที่ปรับตัวเข้าสู่ตลาด Cryptocurrency ซึ่งกำลังได้รับความนิยมทั่วโลก
นอกจากนั้นยังมี เอกสารหลุดจาก กลุ่ม Bitcoin Crypto Thailand โชว์รายละเอียดเบื้องต้น รองรับ 6 สกุล คือ BTC, ETC, USDT, XRP XLM และ Bitkub coin
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการจ่ายเงินนั้นจะไม่ได้จ่ายเป็นเงินคริปโตโดยตรง แต่จะมีการเอาเงินสกุลคริปโตนั้นๆไปแปลงเป็นเงินบาทก่อน เพื่อใช้ชำระค่าสินค้า ซึ่งมูลค่าของคริปโตจะขึ้นอยู่กับราคาตลาดวันนั้นๆ ไม่มีค่าธรรมเนียมในการแลก นั่นหมายความว่าอาจจะต้องมีการวางแผนให้ดีว่าช่วงไหนจะใช้เงินคริปโตจ่ายแล้วคุ้มที่สุด
ด้านของข้อจำกัดนั้นคือ คริปโตสกุล BTC, ETC, USDT จะมีการจำกัดในการแลกไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อหนึ่งใบเสร็จ ส่วน XRP XLM และ Bitkub coin จะมีการจำกัดในการแลกไม่เกิน 1 แสนบาทต่อหนึ่งใบเสร็จ
อ้าวแล้วถ้าคริปโตไม่พอแต่อยากซื้อของต้องทำยังไง ไม่ต้องห่วงค่ะ เราสามารถใช้บัตรเครดิต/บัตรเดบิท, เงินสด รวมถึงบัตรกำนันต่างๆได้มาจ่ายค่าของในส่วนที่ขาดไปได้ ยกตัวอย่างเช่น ต้องการซื้อทีวี 150,000 บาทก็จ่ายเป็นคริปโต 100,000 บาท อีก 50,000 บาทสามารถจ่ายเงินสดหรือรูดบัตรเอาก็ได้
นอกจากนั้นใบเสร็จที่เราจ่ายด้วยเงินคริปโต สามารถนำไปแลกรับโปรโมชันต่างๆที่ทางศูนย์การค้าจัดขึ้นได้เหมือนการจ่ายด้วยบัตรเครดิตหรือเงินสด
บทวิเคราะห์ของทีมงาน
The Mall Group
การขยับตัวครั้งนี้ของ The Mall Group เรียกว่าเป็นการปรับตัวให้รับกับกระแสเงินคริปโตที่มาแรงจริง การที่ขยับตัวครั้งนี้น่าจะได้รับความสนใจจากสื่อและคนทั่วไปพอสมควร ถือเป็นการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูทันสมัยมากขึ้น รวมถึงการดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่มีเงินคริปโตอยู่แล้วให้ออกมาจับจ่ายมากขึ้น
นอกจากนั้นทางฝั่งคู่แข่งเองอย่าง Central Retail ก็ให้ Central Tech บริษัทลูกในเครือพัฒนาเงินสกุลดิจิลขึ้นมา “C-Coin” ซึ่งตอนนี้แจกเพื่อทดสอบใช้งานในองค์กรเรียบร้อยแล้วจำนวนกว่า 80,000 คนทั่วโลก เพื่อใช้จ่ายค่าอาหาร หรือซื้อสินค้าและบริการจากพันธมิตรของ Central Retail เช่น เซ็นทรัลเฟสติวัล, บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ,และซีคอนสแควร์ ส่วนต่างประเทศจะสามารถใช้งานได้ที่ ห้างสรรพสินค้า La Rinascente ในอิตาลี, ห้างสรรพสินค้า Illum ในเดนมาร์ก และ Big C ในเวียดนาม หลังจากทดสอบเรียบแล้วจะเปิดให้ลูกค้าและคนทั่วไปสามารถใช้ C-Coin ในการช้อปปิ้งได้ หากทาง The Mall Group การพัฒนาเหรียญของตัวเองนั้นต้องใช้เงินลงทุนสูงและต้องใช้เวลาพัฒนาและทดสอบอีกสักพักใหญ่ๆ นั่นจึงอาจไม่ทันท่วงที การเปิดกว้างให้กับเงินคริปโตหลายสกุลน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
แต่แน่นอนว่าก็ยังมีอีกหลายๆเรื่องที่จำเป็นต้องคิดถึงเวลาที่ใช้งานจริง
- รองรับ Exchange ของแพลตฟอร์มไหนในการจ่ายเงิน ซึ่งดูทรงแล้วก็น่าจะเป็นแพลตฟอร์มของ Bitkub เป็นหลัก
- การฝึกอบรมและให้ความรู้พนักงาน โดยเฉพาะเวลาจ่ายด้วยเงินคริปโต
- ภาษีคริปโตที่จะต้องหัก ณ ที่จ่าย 15% รวมถึงผลกำไรต้องไปคิดภาษีรวมปลายปีอีก หากมีคนใช้จ่ายด้วยเงินคริปโตเยอะๆ จะส่งผลกระทบต่อผลกำไรหรือเปล่า
Bitkub
ทางฝั่งของ Bitkub เองหลังจากที่ทาง SCB X ได้ทุ่มเงินลงทุนกว่า 1.78 หมื่นล้านบาท เข้าถือหุ้น 51% ทำให้เราเห็นความพยายามในการขยายตลาดให้มากขึ้น แค่ 9 เดือนแรกของปีนี้บนแพลตฟอร์มของ Bitkub มีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 1.03 ล้านล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 92% เรียกว่าขึ้นแท่นอันดับ 1 ในไทย ด้วยฐานผู้ใช้กว่า 2.4 ล้านคน ซึ่งตัวเลขนี้ยังสามารถโตขึ้นไปได้อีกเพราะคนเริ่มหันมาสนใจคริปโตมากขึ้น
ทาง Bitkub นั้นก็พยายามขยายตลาดไปยังหลายๆอุตสาหกรรม การที่มาจับมือกับ The Mall Group เองก็จะเป็นความพยายามในการผลักดันให้คนใช้จ่ายเงินคริปโตมากขึ้น ซึ่งหมายถึงรายได้จาก Exchange ที่จะเพิ่มมากขึ้นด้วย
เรื่องต่อมาคือ การที่ Bitkub coin สามารถเอามาใช้จ่ายในเครือ The Mall Group นั้นก็จะทำให้ได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้น ส่งผลให้มูลค่าเหรียญเพิ่มสูงขึ้น
ที่มา BrandAgeonline และ Bitcoin Crypto Thailand (พูดคุย ข่าวสาร คริปโต บิทคอยน์)
[source: https://www.dailygizmo.tv/2021/11/25/the-mall-group-crypto/]